[SF] Day Trip การเดินทางของ อีซองมิน { Begin } - [SF] Day Trip การเดินทางของ อีซองมิน { Begin } นิยาย [SF] Day Trip การเดินทางของ อีซองมิน { Begin } : Dek-D.com - Writer

    [SF] Day Trip การเดินทางของ อีซองมิน { Begin }

    บันทึกการเดินทางของอีซองมิน เริ่มต้นที่อิตาลีพร้อมๆกับการพบเจอเด็กหนุ่มเชื้อสายแดนกิมจิที่อายุน้อยกว่า "โจ คยูฮยอน" #เนื้อหาส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบเล่าไดอารี่อ่ะนะ :) (K&M)

    ผู้เข้าชมรวม

    254

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    254

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ต.ค. 55 / 14:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น




















     





















     
     


     
    ขอบคุณ theme จาก

    © Tenpoints !
     






     


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


       








      Part Begin Trip  '


















      อา...จะเริ่มไงดีล่ะ (หัวเราะ)

      ก่อนอื่นผมคงต้องแนะนำตัวเองกับเจ้าสมุดเล่มนี้ก่อนสินะ

       

      ผมอีซองมิน อายุ 27 ปีมาได้สองเดือนแล้ว ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่บ้านและ...ผมกำลังมีความสุข ผมเป็นนักเดินทาง ซึ่งถ้าจะถามว่าผมทำอะไรบ้างกับอาชีพนี้คำตอบง่ายๆก็คือ

       

      เที่ยว

       

      ใช่แล้ว ผมกำลังออกเดินทางไปทั่วโลกแน่นอนว่าการเดินทางต้องมีการใช้จ่ายตลอด ผมยังชีพตัวเองด้วยเงินจากการถ่ายภาพระหว่างเดินทางเพื่อนำไปทำโปสการ์สท่องเที่ยวโดยมีเพื่อนสนิทของผมรับงานไปอีกทอดนึง

       

      ผมซื้อเจ้าสมุดเล่มนี้มาจากคุณลุงอายุราวๆ 50 ปีได้ จากในตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ด้วยความที่ผมไม่อยากให้ลุงแกเสียน้ำใจเลยซื้อมันมา ผมชอบมันนะ คิดซะว่าเป็นของฝากจากอิตาลี รูปแบบของมันไม่ได้ซับซ้อนอะไร แกะแป๊กออกก็เจอหน้ากระดาษสีนวลหรือถ้าจะเรียกให้ถูกก็กระดาษถนอมสายตาไร้เส้นนั่นล่ะ

       

      ขอบอกเลยนะคุณจะพบได้เลยว่าโลกนี้มันเริ่มสะดวกกับชีวิตคุณมากขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องกดเงินสดออกมาจากบัญชีจำนวนมากๆ เพื่อเพิ่มความเสี่ยงในการถูกคนขับรถโดยสารหรือผู้ชายตามซอกตึกปล้นแค่มีบัตรเดบิตชีวิตคุณก็สะดวกขึ้น อ่า...ผมไม่ได้ขายของนะ (หัวเราะ) ผมกำลังจะบอกว่ามันเหมาะกับการเดินทางของผมเท่านั้นเอง

       

      อันที่จริง...นี่เป็นการเริ่มต้นเดินทางครั้งแรกในชีวิตของผมและที่แรกที่ผมเลือกคือ อิตาลีประเทศที่ผมฝันไว้ตั้งแต่ 13 ขวบ เหตุผลคืออิตาลีมีเสน่ห์ในรูปแบบของวัฒนธรรมที่การเป็นอยู่ ความเก่าแก่ของบ้านเรือนมันทำให้ผมหลงใหล ถึงแม้สีอิฐที่ใช้ปลูกสร้างจะดูหมองคล้ำหรือการชำรุดที่ได้รับการบำรุงน้อยเหลือเกินก็ตาม

       

      อารยธรรมที่น่าสนใจหลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่ และสิ่งที่ทำให้อิตาลีน่าสนใจที่สุดคือกรุงโรมที่ซึ่งโบราณสถานเก่าแก่ถูกสร้างไว้ที่นั่น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก สนามกีฬาใหญ่ที่สามารถจุคนได้ถึง 50,000 คน ตึกเอนปิซาที่ผมตั้งคำถามมาตลอดว่า ทำไมนะ มันถึงไม่ล้มซะที? หรือเมืองในฝันสำหรับคู่รัก เวนิส เมืองแห่งสายน้ำ

       

      ในแต่ละวันผมใช้เวลาเกือบ 12 ชั่วโมง เพื่อท่องเที่ยวแล้วตามเก็บภาพรูปตึกเก่าๆ ที่ถูกสร้างด้วยอิฐสีแดง ถนนแคบๆ ตรอกเล็กๆ พอเที่ยงก็แวะเข้าร้านกาแฟในย่านนั้น น่าทึ่งที่การเดินทางเพียงไม่นานทำให้ผมดูจะน้ำหนักลดลง ผมไม่ได้อ้วนหรอกนะ (ทำหน้าจริงจัง) มันเป็นเพราะผมดื่มแค่กาแฟกับขนมเค้กชิ้นเดียวแล้วก็เที่ยวต่อต่างหาก กลับถึงที่พักก็เหนื่อยอาบน้ำนอนข้าวเย็นก็ไม่ได้แตะเลย

       

      ผมไม่มีร้านแกแฟที่นั่งประจำแต่ก็เป็นครั้งที่สี่แล้วมั้ง? ที่ผมเดินผ่านร้านนี้แล้วก็เข้ามานั่งพักจิบกาแฟมื้อเที่ยง ผมนั่งมองการสัญจรของรถผ่านกระจกใสที่ถูกเช็ดถูมาอย่างเนี้ยบ ตามความจริงที่อิตาลีให้ความสำคัญกับเรื่องความสะอาดค่อนข้างมากเลยทีเดียว

       

      ถ้าไม่เชื่อล่ะก็...

      ลองทำกระดาษที่ห่อหมากฝรั่งไว้ตกลงพื้นสิครับ (ยิ้ม)

       

      กาแฟดำกับชีสเค้กม็อคค่ามาแล้วครับ

        

      คำพูดที่บริกรหนุ่มเอ่ยถึงเมนูที่ผมสั่งไปทำให้ผมต้องเงยหน้าจากสมุดบันทึกในมือที่กำลังจดจ้องเขียนอยู่ มันเป็นปฏิกิริยาแบบอัติโนมัติอยู่แล้วถ้าหากคุณกำลังเขียนความลับหรือเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากให้ใครรู้แล้วมีคนมาเห็นมือของคุณจะรีบปิดสมุดนั้นลงซะเดี๋ยวนั้น

       

      แต่ที่ให้ชวนคิดคือเขาพูดกับผมเป็นภาษาเกาหลี?

                 

      ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะมองสมุดของคุณชายหนุ่มบริกรหน้าหล่อคนนั้นกล่าวขอโทษด้วยวาจาสุภาพเขายิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเสิร์ฟกาแฟและเค้กในถาดอย่างน้อบน้อม

       

      อ่า...ผมไม่ได้ว่าอะไรคุณหรอกครับ แต่คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นคนเกาหลี?”

       

      บริกรหน้าหล่อยิ้มพร้อมหัวเราะน้อยๆ ใบหน้าที่อายุน้อยของเขาช่างดูหล่อเหลาเกินคนทำงานรับจ้างมากไปหรือเปล่านะ? ดูเป็นคนที่มีเสน่ห์ เทียบกับผมแล้วเขาอาจจะอายุแค่ 20 ต้นๆ

       

      ผมเห็นคุณเขียนภาษาเกาหลีในสมุดน่ะก็เลยทักเป็นภาษาเกาหลี ยินดีที่ได้พบคุณอีกนะครับ ผมเห็นว่าคุณคงเป็นนักท่องเที่ยวแต่บังเอิญที่คุณมาหลายครั้งผมเลยจำคุณได้

       

      บริกรหนุ่มตอบคำถามของผมอย่างสุภาพ ผมยิ้มตอบด้วยความเป็นมิตร ใช่ว่าจะเจอคนชาติเดียวกันในต่างแดนได้ง่ายนัก

       

       “ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ถ้าลุงมาเห็นผมคุยกับลูกค้าคงจะโดนดุ อ่า...ทานให้อร่อยนะครับเขาโค้งตัวให้ผมก่อนจะเดินเข้าหลังเค้าเตอร์บาร์ไป

       

      นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับเด็กหนุ่มคนนั้น ผมนั่งเปิดรูปจากกล้องตัวเก่งดูเพลินๆ ก่อนจะเรียกเก็บเงิน ผมแปลกใจเล็กน้อย พนักงานที่มาเก็บเงินไม่ใช้เด็กหนุ่มคนนั้น ผมมองหาเขาแต่ก็ไม่พบ เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะอยู่หลังร้านหรือ...อาจจะกลับบ้านไปแล้ว?

       

      แปลกนะ ทำไมผมถึงนึกถึงเขา (ยิ้มขำ) และความบังเอิญหรือเปล่าไม่รู้หลังจากที่ผมกำลังเดินข้ามถนนผมก็ได้เจอกับเด็กหนุ่มคนนั้นอีกครั้ง

       

      คุณ...” เด็กหนุ่มหัวเราะ “เจอกันอีกแล้วนะครับ

       

      “ครับผมยิ้มอย่างเป็นมิตร

       

      แล้ว...นี่คุณกำลังจะไปไหนหรอ? สนใจอยากได้ไกต์นำทางสักคนไหมครับ ผมไม่คิดเงินหรอกนะ

       

      เด็กหนุ่มคนนั้นยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจแก่ผมและผมก็ตกลง ไม่ใช่เพราะไม่ต้องจ่ายเงินหรอกนะแต่ผมคิดว่าการมีเพื่อนร่วมทาง คนที่น่าจะรู้จักพื้นที่ดี น่าจะให้ข้อมูลที่ผมต้องการได้มากขึ้น

       

      เขาพาผมไปเดินเล่นไปในหลายที่ บางสถานที่ผมยังไม่เคยไปและในบางที่ผมผ่านมาบ้าง เขาพูดแนะนำสถานที่อย่างไม่บกพร่องการพูดจาของเขาทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่าเขาต้องรู้จักที่นี่ดีมาก ทุกคำถามที่ผมตั้งขึ้นเขาสามารถตอบได้หมดและน่าสนใจ ผมคิดถูกที่ให้เขาช่วยเป็นไกต์ให้

       

      นั่งพักก่อนไหมครับ เราเดินมาเยอะแล้วนะเด็กหนุ่มเอ่ยชวนผมในขณะที่สายตาของเขากำลังมองเก้าอีกไม้ที่อยู่ไม่ไกล

       

      ก็ดีเหมือนกันนะ

       

      เราเดินมานั่งพักหลังจากเดินมาได้สัก...เอ่อ ผมว่าหลายกิโลเลยนะ

       

      เราน่าจะทำความรู้จักกันนะครับ เดินมาตั้งนานผมก็ยังไม่รู้ชื่อคุณเลยนะเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น ผมเก็บขวดน้ำที่เพิ่งดื่มลงกระเป๋า

       

      ผมชื่ออีซองมิน คุณล่ะ?”

       

      ...คยูฮยอนครับ โจ คยูฮยอน”

      ผมพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับเมมโมรี่ชื่อของคยูฮยอนไว้

       

      “ขอถามได้มั้ยครับ ทำไมคุณถึงมาเที่ยวที่อิตาลี?”

       

      ผมฝันว่าอยากจะมาเที่ยวตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ ผมชอบทุกอย่างที่เป็นอิตาลี แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเกาหลีนะ ผมแค่รู้สึกว่ามันแปลกใหม่และน่าประทับใจมาก

       

      แล้วคุณจะอยู่นานแค่ไหนหรอครับ?”

       

      อืม...อันที่จริงผมก็กะว่าจะอยู่สักอาทิตย์นึงแล้วค่อยเดินทางต่อน่ะ

       

      เดินทางต่อหรอ? นี่คุณกำลังจะบอกว่าคุณก็เป็นหนึ่งในคนที่จะเดินทางรอบโลกน่ะ!?”

      คำถามของคยูฮยอนผมให้ผมหัวเราะออกมา เพราะหน้าตาที่ดูตื่นเต้นของเด็กหนุ่มดูตลกมากเลยน่ะสิ

       

      ฮ่าๆๆ ก็ไม่เชิงหรอกนะ นี่แค่เริ่มต้นเอง

       

      ผมนั่งคุยกับคยูฮยอนอยู่ตรงนั้นจนพระอาทิตย์เซย์กู้ดบายไปจากท้องฟ้า ผมรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ถ้าหากจะรบกวนคยูฮยอนโดยที่ไม่ได้ตอบแทนอะไร เลยเอ่ยปากชวนเขาไปเลี้ยงเป็นการตอบแทนที่เหนื่อยตั้งหลายชั่วโมง ในตอนแรกเขาปฏิเสธแต่พอผมบอกว่าผมรู้สึกไม่ดีเขาเลยยอมมาด้วย

       

      อา...เขาทั้งสุภาพและอ่อนโยนมากเลยล่ะครับ

       

      อ้อ! ร้านอาหารที่ผมพาเขาไปกินเป็นร้านที่มีชื่ออยู่พอควรมื้ออาหารนี้ทำให้เราได้รู้จักกันดีขึ้นผมเล่าเรื่องแผนการในการเดินทางของผมให้เขาฟังแลกเปลี่ยนกันกับเรื่องราวของคยูฮยอน

       

      ผมได้รู้มาว่าคยูฮยอนอายุ 21 ปี ตอนนี้อาศัยอยู่กับลุง เขาเป็นลูกครึ่ง ซึ่งดูแล้วหน้าเขาไปทางเอเชียมากกว่าตะวันตก เอ่อ...คือพ่อของเขาเป็นอิตาลี-เกาหลี ส่วนคุณแม่ของเขาเป็นชาวเกาหลีโดยแท้ พวกท่านอยู่กินกันที่อิตาลีจนคยูฮยอนเกิดถึงได้ย้ายไปเกาหลีและ...เกิดเรื่องบางอย่าง (คยูฮยอนไม่ได้บอกน่ะครับ) ทำให้คยูฮยอนกลับมาอิตาลี เขาบอกเพียงว่าที่กลับมาอิตาลีเพราะมาพักใจ ตอนแรกผมคิดว่าเขาทะเลาะกับแฟนนะแต่คยูฮยอนบอกว่าไม่ใช่

       

      ผมก็ไม่อยากเข้าไปก้าวก่ายจึงไม่ได้ถามอะไรมาก ส่วนงานเสิร์ฟกาแฟที่ร้านน่ะตอนแรกผมก็คิดไปซะได้ว่าเขาเป็นลูกจ้างที่ไหนได้ หลานเจ้าร้านต่างหาก รู้สึกลุงเค้าจะชื่ออัลโตนี่

       

      จริงสินะ ผมยังไม่ได้บอกไปว่าคยูฮยอนกลับมาอิตาลีได้ 3 ปีแล้ว มันดูเป็นเรื่องที่ออกจะบ้าระห่ำไปซะหน่อยที่ออกจากบ้านมาเพื่อพักใจตั้งแต่อายุ 18!

       

      ผมถามเขาไปว่า สามปีแล้วนายยังพักใจไม่พออีกหรอ?” เขาก็ตอบผมมาว่า หัวใจผมมันเหนื่อยมาน่ะสิครับ

       

      เอ่ออ....ฮ่าๆๆๆๆ เด็กคนนี้มันแน่จริงๆ เลยนะ ผมคิดแบบนั้น

       

      หลังจากเสร็จมื้อค่ำ เราก็นัดกันว่าจะเดินทางไปกรุงวาติกันศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ด้วยกันวันพรุ่งนี้ เพราะคยูฮยอนบอกผมว่าพรุ่งนี้ร้านกาแฟหยุดผมถึงได้ตกลง ก็แหม..ผมเกรงใจคยูฮยอนเหมือนกันนะถ้าเขาต้องทิ้งงานถึงจะเป็นหลานก็เถอะ

       

      หลังจากแยกกันกลับที่พักแล้วผมก็อาบน้ำแล้วก็มานั่งเขียนบันทึกต่อ ตอนนี้ก็...สองทุ่มกับอีกสี่สิบห้านาที ผมควรจะรีบเข้านอนแล้วเตรียมพร้อมเดินทางวันพรุ่งนี้

       

       

       ราตรีสวัสดิ์เจ้าบันทึก... 

       

                                                                                                                                                    






      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×